สรุปหนังสือ Your Next Five Moves กลยุทธ์พิชิตธุรกิจคิดล่วงหน้า 5 ขั้น เขียนโดย Patrick Bet-David

Welcome to Business ครับ
คุณอาจคิดว่าคุณมีแผน…
แต่จริงๆ แล้วคุณแค่อยู่ในแผนของคนอื่น (ซึ่งปกติเขาก็ไม่บอกคุณหรอก)
.
Your Next Five Moves ไม่ได้มาสอนให้คุณ “คิดใหญ่ แล้วจะได้ใหญ่”
แต่มาบอกว่า...ถ้ายังคิดไม่เป็นลำดับ ต่อให้ฝันว่าเป็นยูนิคอร์น คุณก็อาจกลายเป็นลาใส่เขา
.
คนที่รอด ไม่ใช่คนที่เก่งสุด
แต่คือคนที่ “วางแผนแล้วไม่เผลอเอาแผนไปห่อกล้วยแขก”
.
เพราะในหมากรุก เดินพลาด = เสียหมาก
แต่ในธุรกิจ เดินพลาด = เสียตัง + เสียลูกน้อง + เสียหน้าในกลุ่มไลน์ที่เคยโม้ไว้
.
มาดูกลยุทธ์ดีๆจากหนังสือเล่มนี้กันเถอะครับ ถ้าอยากทำให้สิ่งที่คุณโม้ไว้เป็นจริง
.
.
=============================
.
[ หลักการพื้นฐานของการคิดล่วงหน้า 5 ขั้น ]
.
ในโลกธุรกิจ คนที่คิดแค่ขั้นเดียวคือมือสมัครเล่น คนที่คิด 2-3 ขั้นคือมืออาชีพ แต่คนที่คิด 5 ขั้นขึ้นไปคือผู้ที่จะครองตลาด หนังสือเล่มนี้จะสอนให้คุณคิดแบบหลัง โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 5 ระดับที่ต้องเชี่ยวชาญตามลำดับ
.
.
[ Move ที่ 1: การสร้างพลังจากการรู้จักตนเอง ]
.
1.1 หลักการ "อนาคตที่มีชีวิต" (Future Truth Principle)
.
อย่ารอให้ประสบความสำเร็จแล้วค่อยทำตัวเหมือนคนสำเร็จ ให้ทำตัวเหมือนคนสำเร็จตั้งแต่วันนี้ เพราะพฤติกรรมจะนำไปสู่ผลลัพธ์
.
วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน + การแสดงออกที่สอดคล้อง + ความเชื่อมั่น 100% = ความเป็นจริงในอนาคต
ถามตัวเอง: "ถ้าฉันประสบความสำเร็จแล้ว ฉันจะทำอะไรต่างจากวันนี้?" แล้วเริ่มทำสิ่งนั้นทันที
.
.
1.2 หลักการ "พลังงานจากความเจ็บปวด" (Pain-to-Power Transformation)
.
ความเจ็บปวด ความอับอาย และการถูกดูถูกไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นเชื้อเพลิงที่ทรงพลังที่สุดสำหรับความสำเร็จ
.
กระบวนการแปลงพลัง:
.
1. ยอมรับความเจ็บปวดโดยไม่หลบหนี
2. แปลงอารมณ์เชิงลบเป็นแรงผลักดัน
3. ใช้มันเป็นเครื่องเตือนใจในยามท้อแท้
4. พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าพวกเขาคิดผิด
.
.
1.3 หลักการ Blue Ocean Strategy
.
อย่าแข่งขันในสนามที่แออัด ให้สร้างสนามใหม่ที่คุณเป็นผู้กำหนดกติกา
.
จุดแข็งของคุณ × จุดอ่อนของตลาด = โอกาสทองคำ
ความแตกต่างของคุณ × ความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง = ตลาดใหม่
ทรัพยากรที่มี × ช่องว่างในอุตสาหกรรม = กลยุทธ์การเข้าตลาด
.
.
[ Move ที่ 2: การพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์ ]
.
.
2.1 หลักการ "การประมวลผลเชิงลึก" (Deep Processing Method)
.
ปัญหาที่เห็นมักเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง ต้องขุดลึกถึงรากของปัญหาจึงจะแก้ได้ถาวร
.
ขั้นตอนการวิเคราะห์:
.
1. Surface Level: สิ่งที่เห็นคืออะไร?
2. Pattern Level: มีรูปแบบที่ซ้ำๆ หรือไม่?
3. Structure Level: โครงสร้างที่ทำให้เกิดปัญหาคืออะไร?
4. Mental Model Level: ความเชื่อใดที่อยู่เบื้องหลัง?
5. Root Cause Level: ต้นตอที่แท้จริงคืออะไร?
.
.
2.2 หลักการ "ITR" (Investment-Time-Return Formula)
.
ทุกการตัดสินใจต้องคำนวณได้ ไม่ใช่ตามอารมณ์
.
คุณค่าของการตัดสินใจ = (ผลตอบแทนที่คาดหวัง - ต้นทุนทั้งหมด) / เวลาที่ใช้
.
ทุกโครงการต้องมี 3 ทางเลือกในราคาต่างกัน
.
1. คำนวณจุดคุ้มทุนก่อนตัดสินใจเสมอ
2. พิจารณา Worst Case Scenario ว่ารับได้หรือไม่
3. อย่าลืมนับต้นทุนแอบแฝง (เวลา, โอกาส, ทรัพยากรมนุษย์)
.
.
2.3 หลักการ "Solve for X"
.
ทุกปัญหาซับซ้อนมีตัวแปรหลักที่ซ่อนอยู่ หาให้เจอแล้วทุกอย่างจะคลี่คลาย
.
เทคนิคการหา X:
.
1. แยกอาการออกจากสาเหตุ
2. ถาม "ทำไม?" ซ้ำ 5 ครั้งจนถึงรากปัญหา
3. แยกแยะ Burning Platform (ปัญหาเร่งด่วน) กับ Golden Gate (โอกาสทอง)
4. ทดสอบว่า X ที่พบเป็นตัวแปรจริงหรือไม่
5. แก้ที่ X แล้วดูว่าปัญหาอื่นหายไปด้วยหรือไม่
.
.
[ Move ที่ 3: การสร้างทีมแบบคูณกำลัง ]
.
3.1 หลักการ "Benefits Program ส่วนบุคคล"
.
คนจะมาร่วมงานกับคุณไม่ใช่เพราะคุณต้องการพวกเขา แต่เพราะชีวิตพวกเขาจะดีขึ้นจากการอยู่ใกล้คุณ
.
องค์ประกอบของ Benefits Program:
.
การเติบโตส่วนบุคคล (ความรู้, ทักษะ, ประสบการณ์)
การเติบโตทางการเงิน (เงินเดือน, โบนัส, หุ้น)
การเติบโตทางสังคม (เครือข่าย, ชื่อเสียง, อิทธิพล)
การเติบโตทางจิตวิญญาณ (ความหมาย, จุดมุ่งหมาย, การสร้างผลกระทบ)
.
.
3.2 หลักการ "Trust Acceleration"
.
ความเชื่อใจ = ความเร็วในธุรกิจ ยิ่งเชื่อใจกันมาก ยิ่งทำอะไรได้เร็ว
.
ระดับความเชื่อใจ 4 ขั้น:
.
1. Stranger Level: ต้องตรวจสอบทุกอย่าง
2. Endorsed Level: มีการรับรองแต่ยังต้องระวัง
3. Trusted Level: ไว้ใจได้ในขอบเขตที่กำหนด
4. Running Mate Level: ไว้ใจได้แบบไม่มีเงื่อนไข
.
.
3.3 หลักการ "วัฒนธรรมแบบแรงเสียดทาน" (Productive Friction Culture)
.
องค์กรที่ทุกคนเห็นด้วยกันหมดคือองค์กรที่กำลังจะตาย ต้องมีการถกเถียงที่สร้างสรรค์
.
สูตรสร้างแรงเสียดทานที่ดี:
.
ความจริงใจ + ความท้าทาย + ความเคารพ = การเติบโตร่วมกัน
Radical Transparency + Accountability + Love = วัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง
.
.
[ Move ที่ 4: กลยุทธ์การขยายธุรกิจแบบทวีคูณ ]
.
4.1 หลักการ "Momentum Multiplication"
.
Momentum = Mass × Velocity² (โมเมนตัม = มวล × ความเร็วยกกำลังสอง)
.
สี่ปัจจัยเร่งความเร็ว:
.
1. Functioning Speed: ประสิทธิภาพของทีม
2. Processing Speed: ความเร็วของระบบ
3. Expansion Speed: ความเร็วในการขยายตลาด
4. Timing Speed: ความแม่นยำของจังหวะเวลา
.
.
4.2 หลักการ "Data-Driven Scaling"
.
อย่าเชื่อคน ให้เชื่อตัวเลข ข้อมูลไม่โกหก แต่คนอาจหลอกตัวเอง
.
ระบบติดตามที่จำเป็น:
.
Leading Indicators (ตัวชี้วัดนำ): บอกอนาคต
Lagging Indicators (ตัวชี้วัดตาม): บอกอดีต
Correlation Analysis: หาความสัมพันธ์ที่แท้จริง
Predictive Metrics: คาดการณ์แนวโน้ม
.
.
4.3 หลักการ "Paranoid Survival"
.
ความหวาดระแวงที่พอดีคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
.
สมดุลของความระแวง:
.
น้อยเกินไป = ประมาท → ถูกโจมตีง่าย
มากเกินไป = หวาดกลัว → ไม่กล้าเดินหน้า
พอดี = ตื่นตัว → พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
.
.
[ Move ที่ 5: การใช้อำนาจอย่างชาญฉลาด ]
.
5.1 หลักการ "ปราบยักษ์" (Giant Slaying Strategy)
.
ยักษ์ใหญ่มีจุดอ่อนเสมอ - ความเฉื่อย ความประมาท และความเชื่อมั่นเกินตัว
.
สิบสองกลยุทธ์สู้ยักษ์:
.
1. รู้จุดอ่อนตนเองและปิดให้มิด
2. ค้นหาจุดอ่อนคู่แข่งและโจมตีให้แม่น
3. สร้างความเชี่ยวชาญเฉพาะที่เหนือกว่า
4. อย่าเลียนแบบ ให้สร้างเกมใหม่
5. เจาะลึกแทนที่จะกว้างแต่ตื้น
6. สร้างภาพลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าความเป็นจริง
7. เริ่มเงียบๆ สะสมพลังก่อนโจมตี
8. ใช้ความเร็วเป็นอาวุธ
9. สร้างพันธมิตรจากศัตรูของศัตรู
10. ศึกษาประวัติศาสตร์หากลยุทธ์
11. ให้คู่แข่งอื่นทำให้เป้าหมายอ่อนแอก่อน
12. เก็บไพ่ตายไว้ใช้ตอนสำคัญ
.
.
5.2 หลักการ "Narrative Control"
.
ถ้าคุณไม่เล่าเรื่องของตัวเอง คนอื่นจะเล่าให้ และมักจะไม่ตรงกับความจริง
.
สูตรควบคุมการรับรู้:
.
ความจริง + การนำเสนอที่ดี + ความสม่ำเสมอ = การรับรู้ที่คุณต้องการ
Authenticity × Consistency × Engagement = Brand Power
.
.
5.3 หลักการ "Leverage Maximization"
.
อำนาจที่แท้จริงคือการมีทางเลือก ยิ่งมีทางเลือกมาก ยิ่งมีอำนาจต่อรอง
.
กฎการสร้าง Leverage:
.
อย่าพึ่งพิงแหล่งรายได้เดียวเกิน 30%
สร้างทางเลือกสำรองในทุกด้านเสมอ
ผู้ที่ต้องการข้อตกลงน้อยที่สุดจะได้เปรียบมากที่สุด
ให้ก่อนขอ สร้างคุณค่าก่อนเรียกเก็บ
.
.
-จำไว้ว่า: ลำดับของการเดินหมากสำคัญกว่าความเร็ว คนที่คิด 5 ขั้นแต่เรียงลำดับผิดจะแพ้คนที่คิด 3 ขั้นแต่เรียงลำดับถูก นี่คือศิลปะที่แท้จริงของการเป็น Grand Master ทางธุรกิจ
.
.
=============================
.
[ กลยุทธ์เพิ่มเติมจาก "Your Next Five Moves" ]
.
.
[ 6. กลยุทธ์การขาย และการเจรจา ]
.
6.1 หลักการ "Conviction Selling" (การขายด้วยความเชื่อมั่น)
.
การขายที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องของเทคนิคพูด แต่เป็นการถ่ายทอดความเชื่อมั่น
.
สูตรการขาย:
.
ความเชื่อมั่น 100% + ความจริงใจ + การเข้าใจความต้องการ = การขายที่ประสบความสำเร็จ
ต้องเชื่อในสิ่งที่ขายมากพอที่จะซื้อใช้เอง
Emotion Sells, Logic Justifies
.
.
6.2 กลยุทธ์ "Seven Steps Preparation" (การเตรียมตัว 7 ขั้นตอน)
.
สำหรับการประชุมสำคัญ:
.
1. วิเคราะห์ความต้องการ ความกลัว และความโลภของอีกฝ่าย
2. คาดการณ์สิ่งที่อีกฝ่ายจะพูดและเตรียมคำตอบ
3. เขียน Script/Outline ของสิ่งที่จะพูด
4. ซ้อมสถานการณ์จำลองหลายรูปแบบ
5. ให้ที่ปรึกษาชี้จุดบอดและข้อผิดพลาด
6. เตรียมสภาพจิตใจให้อยู่ในจุดที่ดีที่สุด
7. สร้างชื่อเสียงในการ Overdeliver เสมอ
.
.
6.3 กลยุทธ์ "Win-Win Leverage" (การใช้อำนาจต่อรองแบบชนะทั้งคู่)
.
ให้ก่อนเพื่อที่จะได้รับ นำเสนอคุณค่าก่อนเรียกร้องผลตอบแทน
.
เทคนิคการเจรจา:
.
เริ่มด้วยการแก้ปัญหาให้อีกฝ่าย
แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ประโยชน์
อย่าใช้ Leverage มากเกินไปจนอีกฝ่ายเสียหน้า
"You can shear a sheep 100 times, but skin it only once"
.
.
[ 7. กลยุทธ์องค์กร ]
.
7.1 หลักการ "Codification of Knowledge" (การแปลงความรู้เป็นระบบ)
.
ความรู้ที่อยู่แค่ในหัวคือความเสี่ยง ต้องแปลงเป็นระบบที่ใครก็ทำตามได้
.
Bill Walsh vs Bill Belichick:
.
Walsh: เขียนทุกอย่างเป็นระบบ → ลูกศิษย์ 14 คนเป็นหัวหน้าโค้ช NFL
Belichick: เก็บความลับ → ลูกศิษย์แทบไม่มีใครประสบความสำเร็จ
.
.
7.2 หลักการ "Cut the Fat, Amplify the Signal"
.
ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกให้หมด เพิ่มพลังให้กับสิ่งที่สำคัญ
.
สิ่งที่ต้องตัด:
Noise: ข่าวซุบซิบ, Drama ไร้สาระ
Time Wasters: สิ่งที่ไม่สร้างมูลค่า
Toxic People: คนที่ดึงพลังงานคุณ
Bad Habits: นิสัยที่ขัดขวางความสำเร็จ
.
.
7.3 หลักการ "Nine Entrepreneurial Love Languages"
.
ภาษารัก 9 แบบของการจัดการทีมงาน
.
1. We Need You - ทำให้รู้สึกสำคัญ
2. Recognition - การยอมรับต่อหน้าคนอื่น
3. Praise (3 แบบ) - ส่วนตัว/สาธารณะ/ลับหลัง
4. Clear Direction - บอกชัดเจนว่าต้องทำอะไร
5. Vision - ภาพอนาคตที่ชัดเจน
6. Dreams - เชื่อมโยงความฝันส่วนตัวกับองค์กร
7. Involvement - ให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
8. Challenge - ท้าทายให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
9. Listening - ฟังอย่างตั้งใจจริงๆ
.
.
7.4 หลักการ "Strategic Firing"
.
ไล่คนต้องนุ่มนวลแต่เด็ดขาด มี 6 เทคนิค
.
Fire Gently - อย่าทำลายศักดิ์ศรี
Get to the Point - ตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม
Be Firm Yet Gentle - แน่วแน่แต่อ่อนโยน
Acknowledge Feelings - รับรู้ความรู้สึก
Good Exit Strategy - วางแผนการออกที่ดี
Talk About Strengths - ชี้จุดแข็งเพื่ออนาคต
.
.
7.5 หลักการ "Three-Tier Incentive"
.
อย่าสร้างแรงจูงใจแบบ All or Nothing ให้มี 3 ระดับเสมอ
.
โครงสร้าง:
.
Bronze Level: เป้าหมายที่ทำได้แน่นอน (70% ของทีม)
Silver Level: ท้าทายแต่เป็นไปได้ (20% ของทีม)
Gold Level: ยากมากแต่ไม่เป็นไปไม่ได้ (10% ของทีม)
.
.
7.6 หลักการ "Compound Knowledge Investment"
.
ความรู้เพิ่มแบบทบต้น ลงทุนในการเรียนรู้ให้มากที่สุด
.
ตัวอย่าง Portfolio การเรียนรู้
.
40% ในสาขาหลักที่ทำ
30% ในสาขาเสริมที่เกี่ยวข้อง
20% ในทักษะ Transferable (การสื่อสาร, การเจรจา)
10% ในสิ่งที่ดูไม่เกี่ยวแต่อาจใช้ได้ในอนาคต
.
.
7.7 ผู้นำที่ดีต้องเข้าใจว่าอะไรขับเคลื่อนคนแต่ละคน ซึ่งแบ่งเป็น 4 ประเภท:
.
1. Advancement - ขับเคลื่อนด้วยความก้าวหน้า
.
2. Individuality - ขับเคลื่อนด้วยการแสดงตัวตน
.
3. Madness - ขับเคลื่อนด้วยการท้าทายและศัตรู
.
4. Purpose - ขับเคลื่อนด้วยจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่
.
.
[ 8. สรุป Five Moves ]
.
1. รู้จักตัวเอง
.
2. ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ
.
3. สร้างทีมที่เหมาะสม
.
4. ใช้กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
.
5. เชี่ยวชาญการใช้อำนาจ
.
.
==============================
.
[ จาก Zero ถึง Grand Master - บทเรียนสุดท้ายจาก Patrick Bet-David ]
.
.
Patrick Bet-David ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เคยเป็นเด็กผู้ลี้ภัยที่หนีสงครามจากอิหร่าน ไม่มีเงิน ไม่มีภาษา ไม่มีอะไรเลย วันนี้เขาเป็นเจ้าของ PHP Agency ที่มีตัวแทนกว่า 15,000 คนใน 49 รัฐ สร้างช่อง YouTube "Valuetainment" ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.3 ล้านคน
.
บทเรียนสำคัญคือ ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากจุดไหน ถ้าคุณคิดแบบ Grand Master คุณสามารถเปลี่ยนเกมได้
.
แต่ความจริงที่โหดร้ายคือ 89% ของ Fortune 500 ล้มเหลว
.
จาก 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ในปี 1955 เหลือรอดมาถึงปี 2019 แค่ 52 บริษัท นั่นหมายความว่า 89% ล้มเหลว ล้มละลาย หรือถูกกลืน
.
กฎเหล็ก: ไม่มีใครใหญ่เกินจะล้ม ไม่มีใครเล็กเกินจะชนะ ขอแค่คิด 5 ขั้นให้ถูกต้อง
.
.
==============================
.
[ เรื่องราวของ Magnus Carlsen ในหนังสือ "Your Next Five Moves" ]
.
.
Magnus คือสุดยอดอัจฉริยะหมากรุกที่เป็นแรงบันดาลใจของหนังสือ
.
Patrick Bet-David เล่าว่าเขาดูสารคดีเรื่อง "Magnus" เกี่ยวกับ Magnus Carlsen เด็กอัจฉริยะหมากรุกชาวนอร์เวย์ที่กลายเป็น Grand Master ตั้งแต่อายุ 13 ปี
.
"Talk about a visionary; he is constantly thinking as many as fifteen moves ahead"
.
Magnus มีความสามารถพิเศษในการคิดล่วงหน้าถึง 15 ตา ทำให้เขาสามารถ:
.
1. คาดการณ์การเดินหมากของคู่ต่อสู้
2. ควบคุมทิศทางของเกม
3. ทำให้คู่แข่งเดินหมากตามที่เขาต้องการ
.
สิ่งที่ทำให้ Bet-David ประทับใจคือ "his meticulous preparation" - การเตรียมตัวที่พิถีพิถันของ Magnus
.
เนื่องจาก Magnus ได้เล่นเกมในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนการแข่งขันจริง ทำให้เขา "unflappable in the heat of battle" (ใจเย็นและไม่หวั่นไหวในสนามจริง)
.
Magnus เคยพูดถึงด้านมืดของความสำเร็จ:
.
"If you want to get to the top, there's always the risk that it will isolate you from other people"
.
(ถ้าคุณอยากไปให้ถึงจุดสูงสุด มันมีความเสี่ยงเสมอที่มันจะทำให้คุณโดดเดี่ยวจากคนอื่น)
.
.
บทเรียนสำหรับนักธุรกิจ
.
Bet-David เห็นความคล้ายคลึงระหว่างแชมป์หมากรุกกับผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ:
.
1. การคิดหลายขั้น - ไม่ใช่แค่คิดว่าจะทำอะไร แต่คิดว่าคู่แข่งจะตอบโต้อย่างไร
.
2. การเตรียมตัว - ซ้อมสถานการณ์ในใจจนชำนาญก่อนเจอของจริง
.
3. ความสงบในวิกฤต - ยิ่งกดดันยิ่งใจเย็น เพราะเตรียมมาดีแล้ว
.
4. การยอมรับความโดดเดี่ยว - ยิ่งสูงยิ่งเหงา แต่นั่นคือราคาของความยิ่งใหญ่
.
5. การเรียนรู้จากความพ่ายแพ้
.
หนังสือยังกล่าวถึงว่า Magnus จะ วิเคราะห์ทุกการตัดสินใจหลังจากแพ้ เพื่อหาว่าผิดพลาดตรงไหนและเกิดขึ้นได้อย่างไร
.
"Every master, both in chess and in business, learns more from studying the moves that led to defeat than the ones that led to victory"
.
(ทุกผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในหมากรุกและธุรกิจ เรียนรู้ได้มากกว่าจากการศึกษาการเดินหมากที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ มากกว่าที่นำไปสู่ชัยชนะ)
.
ในตอนท้ายของหนังสือ Bet-David ยังกล่าวถึงการที่ Magnus จ้าง Garry Kasparov อดีตแชมป์โลกที่เคยเป็นคู่แข่งมาเป็นโค้ช
.
นี่คือตัวอย่างของ "Shadow Learning" - การเรียนรู้จากผู้ที่เคยทำสิ่งที่เราอยากทำได้สำเร็จแล้ว
.
.
ปิดท้ายด้วยสูตร 4 ขั้นสู่อำนาจที่แท้จริง
.
1. Outwork – ทำงานหนักกว่าทุกคน
.
2. Outimprove - พัฒนาเร็วกว่าทุกคน
.
3. Outstrategize - คิดกลยุทธ์ดีกว่าทุกคน
.
4. Outlast - อยู่ได้นานกว่าทุกคน
.
"คนส่วนใหญ่ทำได้แค่ข้อเดียว คนเก่งทำได้สองข้อ แต่ Grand Master ทำได้ครบทั้งสี่"
.
.
.
ในโลกธุรกิจ…ใครๆ ก็อยากเป็นราชา แต่ดันเดินหมากเหมือนเบี้ยที่ง่วงนอน
.
เพราะอย่างที่บอกไปครับ การเดินหมากรุกพลาด = เสียเกม
.
แต่การเดินหมากธุรกิจพลาด = เสียทีมงาน เสียเงิน… และอาจเสียอำนาจการกดสั่งข้าวกลางวันในที่ประชุมตลอดไปครับ
.
.
.
.
#SuccessStrategies

Pond Apiwat Atichat

Real Estate Rental Business , Creator , Writer , Law Student

Currently Studying Bachelor of Laws at Chulalongkorn University

First Class Honors in Bachelor of Arts at Ramkhamhaeng University

Next
Next

สรุปหนังสือ Lost and Founder คู่มือภาคสนามของโลกสตาร์ทอัพที่เจ็บปวด เขียนโดย Rand Fishkin