FIRE ปะทะ Die With Zero Maximize ทุกจังหวะชีวิตด้วยการวางแผน… หรือใช้ไปแบบไม่มีอะไรค้างคา

“คุณจะใช้ชีวิตอย่างไร? ถ้ารู้แน่ชัดว่าอีก 50 ปีคุณจะตาย...”
.
บางคนตอบว่า “ก็รีบเก็บเงินไว้ก่อน เดี๋ยวตอนนั้นจะลำบาก!”
.
บางคนตอบว่า “ก็รีบใช้เงินให้คุ้ม ตอนที่ยังมีแรงจะใช้!”
.
ในมุมหนึ่ง คุณมีสาย FIRE (Financial Independence, Retire Early) ที่เชื่อว่าชีวิตที่ดีคือการไม่ (จำเป็นต้อง) ทำงานอีกต่อไป -- ตั้งแต่ยังอายุไม่ถึง 40
.
อีกมุมหนึ่ง คุณมี Die With Zero ของ Bill Perkins ที่มองว่า หากคุณพลาดใช้ชีวิตตอนที่ยังมีแรง มันก็ไม่มีประโยชน์ที่คุณจะรวยตอนเข่าเจ๊ง
.
.
----------------------------------------
.
[ FIRE: เก็บก่อน ใช้ทีหลัง — เพราะอิสรภาพรออยู่ข้างหน้า ]
.
.
FIRE มีหลายสไตล์ให้เลือกตามรสนิยม:

Lean FIRE – ใช้ชีวิตประหยัดสุด เก็บไวสุด เพื่อเกษียณเร็วที่สุด

Barista FIRE – มีเงินพอเกษียณบางส่วน แล้วทำงานพาร์ตไทม์ไปด้วย

Regular FI – เกษียณแบบรักษาสไตล์ชีวิตเดิมเป๊ะ

Fat FIRE – รายได้สูง ใช้เงินเต็มที่หลังเกษียณ ไม่ต้องงกอะไรทั้งนั้น

Coast FI – เก็บเงินก้อนใหญ่ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วปล่อยให้ดอกเบี้ยโตเอง
.
หนังสืออย่าง Early Retirement Extreme และ Your Money or Your Life เป็นคู่มือสายนี้ — ที่ไม่ใช่แค่การเก็บเงิน แต่คือการออกแบบชีวิตใหม่แบบ Spartan:
.
ขี่จักรยานไปทำงานแม้ฝนตก
.
ทำอาหารกินเองแม้เกลียดล้างจาน
.
เปลี่ยนการใช้เงิน → การลงทุน
.
เปลี่ยนรายได้ → ทรัพย์สิน
.
เปลี่ยนชีวิตมนุษย์เงินเดือน → ความอิสระ
.
พวกเขาไม่ได้สนใจ YOLO
พวกเขาสนใจ FU Money
.
.
----------------------------------------
.
[ Die With Zero: ใช้ก่อนที่มันจะไม่คุ้มค่าอีกต่อไป ]
.
.
ตัดภาพมาที่ฝั่ง Die With Zero
.
เขาเสนอกราฟ "ความคุ้มค่าของประสบการณ์" ที่ลดลงตามวัย
และเน้นว่า คุณควรวางแผนใช้เงินในช่วงที่มันแปลงเป็นความสุขได้มากที่สุด
.
.
แผนการที่น่าสนใจจาก Die With Zero:
.
1. Time-Bucket Your Life
.
Bill เสนอให้เราแบ่งชีวิตเป็นช่วง ๆ (เช่น ทุก 5 หรือ 10 ปี) แล้วกำหนดว่า
.
“ประสบการณ์ไหนควรเกิดขึ้นในช่วงไหนของชีวิต?”
และวางแผนให้เงินตรงกับช่วงเวลานั้น ไม่ใช่ใช้เงินแบบกองรวมไว้ท้ายชีวิต
.
.
2. Memory Dividend
.
เป็นแนวคิดว่า “ประสบการณ์ดี ๆ ที่คุณลงทุนวันนี้ จะจ่ายผลตอบแทนเป็นความสุขซ้ำได้อีกนับสิบปี”
.
ตัวอย่างเช่น: ทริปดำน้ำกับเพื่อนสมัยวัยรุ่น — แค่เล่าซ้ำก็ยังยิ้มได้
.
.
3. Net Worth Curve Should Peak Early and Decline Intentionally
.
เขาเสนอว่า “กราฟทรัพย์สินสุทธิ (Net Worth) ไม่ควรพุ่งขึ้นจนตาย”
แต่มันควรพุ่งถึงจุดสูงสุดกลางชีวิต แล้วค่อย ๆ ลดลงด้วยการใช้ชีวิตให้เต็มที่
เพราะหากคุณตายพร้อมทรัพย์สินก้อนโตโดยไม่ได้ใช้ มันคือ “เงินที่เสียของ”
.
.
ชีวิตจึงไม่ใช่แค่เรื่องเงิน... แต่คือการใช้จังหวะให้ถูก
.
.
----------------------------------------
.
[ มุมมองที่ชนกันอย่างรุนแรง (แต่สุภาพ) ]
.
.
1. เวลา:

FIRE: อดทนวันนี้ เพื่อซื้อเวลาทั้งชีวิต
DWZ: บางจังหวะ ถ้าพลาดตอนนี้ ไม่มีวันได้มันคืน
.
.
2. เงิน:

FIRE: เงินคืออิสรภาพจากระบบ
DWZ: เงินคือเครื่องมือแลกช่วงเวลาดี ๆ
.
.
3. ความมั่นคง:

FIRE: ไม่ต้องพึ่งใครอีกต่อไป
DWZ: ไม่เสียดายชีวิต — นั่นคือความมั่นคงที่แท้จริง
.
.
4. ความกลัว:

FIRE: กลัวไม่มีวันปลอดภัย
DWZ: กลัวพลาดชีวิตที่ควรได้มี
.
.
5. ความสุข:

FIRE: มาจากการหยุดทำงานและเป็นอิสระ
DWZ: มาจากประสบการณ์ในจังหวะที่เหมาะสม
.
.
6. แผนชีวิต:

FIRE: ทุกบาทต้องคุ้ม — ยิ่งใช้ตอนนี้ ยิ่งเกษียณช้า
DWZ: แผนต้องอิงตามช่วงวัย ไม่ใช่แค่เงิน
.
.
--------------------------------------------
.
[ หนังสือที่ซัพพอร์ตแนวคิดเหล่านี้ ]
.
FIRE ยกมือเรียกกุนซือรุ่นเก๋า... ผู้เชื่อในความอดทน มีวินัย และเก็บเงินแบบสงบเสงี่ยมจนเศรษฐีบ้านข้างๆยังคิดว่าคุณจน
.
ฝั่งตรงข้าม — Die With Zero หยิบแชมเปญขึ้นจิบเบา ๆ ก่อนปล่อยกุนซือปรัชญาสาย Hedonic Optimization ขึ้นมาประชัน
.
.
[ ฝั่ง FIRE: ทัพแห่งวินัย ความอดทน และแผนเกษียณที่เร็วกว่านาฬิกาปลุก ]
.
.
1. Early Retirement Extreme – Jacob Lund Fisker
.
แก่นแท้: ปฏิวัติระบบชีวิตให้หลุดจากกรงทุนนิยม

จุดเด่น: Fisker ไม่เพียงสอนประหยัด แต่สอนให้ปลดแอกทั้งระบบ ด้วยการลดค่าใช้จ่ายให้ต่ำถึงขีดสุด (75-95% ของรายได้) จนอยู่ได้ด้วยเงินเพียงปีละ 5,000-7,000 ดอลลาร์

กลยุทธ์เฉพาะตัว: สร้างทักษะการพึ่งพาตนเอง 50+ อย่าง ตั้งแต่การซ่อมทุกอย่าง เกษตรแบบยั่งยืน การปรับปรุงบ้านเอง และการใช้จักรยานแทนรถยนต์

จุดเปลี่ยนความคิด: เขามองว่าการเป็น "ผู้บริโภค" คือการยอมจำนนต่อระบบ ขณะที่การเป็น "ผู้สร้าง" คือการปลดปล่อย การเกษียณของเขาจึงไม่ใช่แค่ไม่ทำงาน แต่คือการกลับไปถือครองชีวิตของตัวเองอย่างแท้จริง
.
.
2. The Simple Path to Wealth – JL Collins
.
แก่นแท้: ลงทุนแบบเรียบง่าย ไม่ต้องเก่งก็รวยได้

จุดเด่น: Collins เขียนจากจดหมายถึงลูกสาว จึงใช้ภาษาเข้าใจง่ายที่ขจัดความซับซ้อนของโลกการเงิน

กลยุทธ์เฉพาะตัว: ปรัชญา "ไม่ต้องฉลาด แค่ต้องอดทน" ผ่านการลงทุนในกองทุน VTSAX ที่ติดตามดัชนี S&P 500 เพียงที่เดียว โดยไม่ต้องพยายามเอาชนะตลาด

สูตรสำเร็จ: เก็บเงินสำรองฉุกเฉิน 6 เดือน ปลดหนี้ทั้งหมด ออมอย่างน้อย 50-70% ของรายได้ ลงทุนใน VTSAX เพียงตัวเดียว และเปลี่ยนไปถือพันธบัตรมากขึ้นเมื่อใกล้เกษียณ ทำแค่นี้ คุณก็จะได้เป็นอิสระเร็วกว่าคนทั่วไป 20-30 ปี
.
.
3. Work Optional – Tanja Hester
.
แก่นแท้: เกษียณแบบมีแผนสำรอง พร้อมรับมือทุกสถานการณ์

จุดเด่น: เธอเป็นคนแรกที่พูดถึง "การเกษียณหลายระดับ" ไม่ใช่แค่ทั้งหมดหรือไม่มีเลย

กลยุทธ์เฉพาะตัว: แบ่งการเกษียณเป็น 3 แบบ: เกษียณเต็มรูปแบบ (ไม่ทำงานเลย), เกษียณบางส่วน (ทำงานที่ชอบเป็นบางเวลา), และการหยุดพัก (sabbatical) เพื่อให้ระยะเวลาเตรียมตัวสั้นลง

ความแปลกใหม่: Hester เน้นการวางแผนรับมือวิกฤต 3 ระดับ ทั้งเรื่องสุขภาพ การล้มเหลวของตลาด และเหตุการณ์ไม่คาดฝันระดับโลก ทำให้แผนของเธอทนทานต่อความผันผวนได้สูงกว่า
.
.
4. Quit Like a Millionaire – Kristy Shen & Bryce Leung
.
แก่นแท้: จากเด็กจีนยากจนสู่เศรษฐีเกษียณวัย 31

จุดเด่น: เป็นเล่มเดียวที่ใช้คณิตศาสตร์ชั้นสูงอธิบายการเกษียณ พร้อมเล่าเรื่องชีวิตจริงที่เข้าถึงอารมณ์

กลยุทธ์เฉพาะตัว: พวกเขาสร้าง "พอร์ตโฟลิโอที่ไม่ตาย" (Yield Shield) ที่ให้เงินปันผลสูงพอจะรับมือตลาดหมีได้นานถึง 5 ปี โดยไม่ต้องขายหุ้นในราคาต่ำ

กฎ QUIT: Quantify your expenses (ระบุค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน), Unlock your prison (หลุดพ้นจากคุกที่สร้างเอง), Implement investing (ลงทุนอย่างเป็นระบบ), และ Track your progress (ติดตามความก้าวหน้า) — ระบบ 4 ขั้นตอนที่พาพวกเขาไปถึงอิสรภาพทางการเงินได้ภายในเวลาเพียง 9 ปี
.
.
.
[ ฝั่ง Die With Zero: ทัพแห่งจังหวะชีวิต ความทรงจำ และศิลปะการใช้เงินให้ไม่เสียของ ]
.
.
1. Die With Zero – Bill Perkins
.
แก่นแท้: บัญชีไม่มีให้ดูหลังตาย แต่ความทรงจำติดตามคุณไปจนวาระสุดท้าย

จุดเด่น: ท้าทายความเชื่อเรื่องการออมที่มากเกินไป ด้วยการใช้สมการคณิตศาสตร์พิสูจน์ว่า "การตายโดยมีเงินมากเกินไปคือความล้มเหลวในการใช้ชีวิต"

กลยุทธ์เฉพาะตัว: ระบบ Time Buckets ที่แบ่งชีวิตเป็น 10 ช่วง และกำหนดว่าแต่ละช่วงควรมีประสบการณ์อะไร ควรใช้เงินเท่าไร เช่น การผจญภัยในวัย 20-30 การเลี้ยงดูลูกในวัย 30-40 การท่องเที่ยวที่ต้องใช้กำลังมากในวัย 40 เป็นต้น

ความคิดปฏิวัติ: เงินควรลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่อายุ 45 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าให้เหลือศูนย์ในวันสุดท้ายของชีวิต (แต่ยังมีระบบประกันเพื่อไม่ให้เป็นภาระลูกหลาน)
.
เขาชี้ว่า Net Worth ไม่ควรพีคตอนตาย แต่ควร “ค่อย ๆ ลดลงอย่างตั้งใจ” เพื่อให้ชีวิตคุณไม่เหลือความเสียดายไว้ให้เสียของ
.
.
2. Happier – Tal Ben-Shahar
.
แก่นแท้: ความสุขที่แท้จริงมาจากการรักษาสมดุลระหว่างปัจจุบันและอนาคต

จุดเด่น: ใช้จิตวิทยาเชิงบวกวิเคราะห์กับดักความคิดที่ทำให้คนเป็น "นักแข่งหนู" (Rat Racer) ที่เลื่อนความสุขออกไปเรื่อยๆ
.
แนวคิดหลัก: แบ่งมนุษย์เป็น 4 ประเภทที่สะท้อนวิธีคิดเรื่องเงิน:

Rat Racer: ทำงานเก็บเงินเพื่ออนาคต แต่ไม่เคยมีความสุขในปัจจุบัน

Hedonist: เน้นความสุขทันที ไม่คิดถึงอนาคต

Nihilist: หมดหวัง ไม่เชื่อในความสุขทั้งปัจจุบันและอนาคต

Happy: สร้างสมดุลระหว่างความสุขในปัจจุบันและความมั่นคงในอนาคต
.
.
.
3. Four Thousand Weeks – Oliver Burkeman
.
แก่นแท้: ชีวิตมนุษย์มีแค่ 4,000 สัปดาห์ การจัดการเวลาแบบผิดๆ คือการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

จุดเด่น: ใช้มุมมองเชิงปรัชญาและสถิติพลิกโฉมความคิดเรื่อง "การบริหารเวลา"

ข้อค้นพบสำคัญ: มนุษย์หมกมุ่นกับ productivity จนละเลยคำถามที่สำคัญกว่า: "สิ่งที่ทำมีความหมายต่อชีวิตไหม?"

แนวคิดพลิกโลก: การพยายามทำทุกอย่าง "ให้ทัน" คือกับดักที่ทำให้ชีวิตพลาดสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเวลามีจำกัด การ "เลือกที่จะพลาด" บางสิ่งอย่างสง่างาม จึงเป็นศิลปะของการใช้ชีวิตที่มีความหมาย

บทเรียนแทนที่การออม: Burkeman สอนให้ลงทุนกับความสัมพันธ์ การใช้เวลาไร้ประโยชน์ที่มีคุณค่า และแนวคิดที่ว่าบางคุณค่าในชีวิตไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขได้
.
.
4. The Top Five Regrets of the Dying – Bronnie Ware

แก่นแท้: คนเรามักเสียใจกับสิ่งที่ไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่ได้ทำ

จุดเด่น: ประมวลความเสียใจของคนนับร้อยในช่วงท้ายของชีวิต เพื่อเป็นบทเรียนให้คนที่ยังมีโอกาสแก้ไข

ห้าความเสียใจสูงสุด:

"ฉันน่าจะกล้าใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองอยากเป็น ไม่ใช่แบบที่คนอื่นคาดหวัง"

"ฉันน่าจะทำงานน้อยลง ใช้เวลากับคนรักมากขึ้น"

"ฉันน่าจะกล้าแสดงความรู้สึกของตัวเอง"

"ฉันน่าจะรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าๆ"

"ฉันน่าจะยอมให้ตัวเองมีความสุขมากกว่านี้"

บทเรียนสำคัญ: เงินทุกบาทที่คุณหามา ไม่มีความหมายเลยถ้าคุณลืมใช้มันเพื่อสร้างชีวิตที่ไร้ความเสียใจ — สวมกอดความเปราะบางของชีวิตและกล้าที่จะใช้ชีวิตอย่างไม่ประนีประนอม
.
.
.
FIRE ยืนหยัดในหลักความมั่นคงระยะยาว
.
DWZ ชูคติ “อย่าปล่อยให้ชีวิตหมดรสก่อนถึงวัยชรา”
.
.
--------------------------------------------------
.
เมื่อหมอกสงครามทางการเงินเริ่มจางลง
.
เมื่อฝั่ง FIRE นั่งลับ calculator รอ 4% Rule อย่างเงียบๆ
.
และฝั่ง DWZ หยิบอัลบั้มภาพจากทริปปีก่อนมาดูพร้อมน้ำตาซึม...
.
.
เราจะเห็นว่า ทั้งสองแนวคิดไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องเงินเลยจริง ๆ
พวกเขาแค่แตกต่างกันใน “สิ่งที่พวกเขากลัวที่สุด”
.
FIRE กลัวอดตาย
.
Die With Zero กลัวอดใช้
.
.
สุดท้ายนี้... จะ FIRE หรือจะ DIE WITH ZERO ก็แล้วแต่คุณจะเลือก
.
เพราะบางคนวางแผนเกษียณเพื่อไปเลี้ยงแมว บางคนใช้เงินหมดก่อนตายเพื่อไปเล่นเซิร์ฟกับเต่า
.
.
เลือกที่ใช่สำหรับคุณเถอะครับ
.
และอย่าลืมว่า “กราฟอาจแม่น แต่ชีวิต... มันมีคลื่น”
.
.
.
.
#SuccessStrategies

Pond Apiwat Atichat

Real Estate Rental Business , Creator , Writer , Law Student

Currently Studying Bachelor of Laws at Chulalongkorn University

First Class Honors in Bachelor of Arts at Ramkhamhaeng University

Previous
Previous

สรุปหนังสือ "The Psychology of Money" จิตวิทยาว่าด้วยเงิน เขียนโดย Morgan Housel

Next
Next

สรุปหนังสือ Die With Zero เขียนโดย Bill Perkins