สรุปหนังสือ The Minimalist Entrepreneur : ผู้ประกอบการสไตล์มินิมอล
MBA สอนว่า "Go Big or Go Home" แต่ความจริงคือคนที่ Go Big ส่วนใหญ่ Go Home ครับ
.
Sahil Lavingia เคยเป็นแบบนั้น เขาเคยวิ่งไล่ล่ายูนิคอร์น ระดมทุน 8 ล้านดอลลาร์ จ้างคนจาก Stripe กับ Amazon ทำตัวเหมือนจะได้จับมือ Bill Gates ภายในปีถัดไป แล้วก็ล้มเหลวครับ อย่างนุ่มนวลและแพงมาก
.
แต่เรื่องมันไม่จบตรงนั้น เขากลับมาดูบริษัทที่ "ไม่โตพอจะเป็นข่าว แต่โตพอจะอยู่ได้" สิ่งที่เขาค้นพบคือความจริงง่ายๆ ที่ไม่มีใครบอกตอนแจก hoodie ให้ founder หน้าใหม่ นั่นคือ "บริษัทที่มีกำไรแค่ 10% แต่อยู่ได้เกิน 10 ปี ดีกว่าบริษัทที่มี Valuation 1,000% แต่อยู่ได้แค่ 10 เดือน"
.
ในโลกที่ทุกคนอยาก "Scale" เขากลับเลือกจะ "Survive แล้วค่อย Thrive" ในยุคที่ Unicorn ล้มตายเกลื่อน การเป็นแมลงสาบอาจฟังดูไม่เท่ แต่อย่างน้อยตอนอุกกาบาตตกมา แมลงสาบก็ยังอยู่ครับ
.
.
#จากการไล่ล่ายูนิคอร์นสู่การสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน
.
Sahil Lavingia ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ เคยเป็นพนักงานคนที่ 2 ของ Pinterest แต่ลาออกในปี 2011 เพื่อสร้างบริษัทพันล้านดอลลาร์ของตัวเอง เขาก่อตั้ง Gumroad แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ครีเอเตอร์ขายผลิตภัณฑ์ออนไลน์ได้ง่าย หลังจากระดมทุนได้กว่า 8 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนชื่อดัง แต่กลับล้มเหลวในการระดมทุนรอบต่อไป ทำให้ต้องเลิกจ้างพนักงาน 3 ใน 4
.
แทนที่จะยอมแพ้ Lavingia กลับค้นพบว่า Gumroad ยังคงเป็นธุรกิจที่ดี แม้จะไม่ใช่ยูนิคอร์นที่ทุกคนคาดหวัง ในปี 2020 Gumroad ส่งมอบเงินกว่า 140 ล้านดอลลาร์ให้กับครีเอเตอร์ เพิ่มขึ้น 87% จากปีก่อน ทั้งหมดนี้ทำได้โดยยังคงทำกำไรอยู่
.
ประสบการณ์นี้ทำให้เขาเขียนบทความ "Reflecting on My Failure to Build a Billion-Dollar Company" ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และนำไปสู่การเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อแบ่งปันแนวทางการสร้างธุรกิจแบบ "Minimalist Entrepreneur"
.
.
Minimalist Entrepreneur คืออะไร
.
ตัวอย่างจาก Peter Askew และ VidaliaOnions
.
Peter Askew นักพัฒนาเว็บจากแอตแลนตา สูง 6 ฟุต 8 นิ้ว ชอบช่วยคนหยิบของบนชั้นสูงในซูเปอร์มาร์เก็ต หลังจากถูกเลิกจ้างในปี 2001 เขาเริ่มซื้อโดเมนเนมที่หมดอายุแล้วมาสร้างธุรกิจ
.
ในปี 2014 เขาประมูลโดเมน VidaliaOnions ได้ในราคา 2,200 ดอลลาร์ แม้จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจหัวหอมเลย แต่เขาเห็นโอกาสในการขายหัวหอม Vidalia (หัวหอมหวานที่บางคนกินเป็นผลไม้) แบบ farm-to-door
.
เขาร่วมมือกับ Aries Haygood เจ้าของฟาร์ม Vidalia ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ในฤดูกาลแรก พวกเขาคาดว่าจะได้คำสั่งซื้อ 50 รายการ แต่กลับได้มากกว่า 600 รายการ
.
แทนที่จะเร่งขยายธุรกิจแบบบ้าคลั่ง Askew เลือกที่จะเติบโตอย่างช้าๆ และมั่นคง ปัจจุบันธุรกิจของเขาทำกำไรได้และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนท้องถิ่น
.
.
หลักการสำคัญของ Minimalist Entrepreneur
.
1. Profitability First - มุ่งเน้นการทำกำไรตั้งแต่วันแรกหรือเร็วที่สุด ไม่ใช่การเติบโตแบบไม่คำนึงถึงต้นทุน
.
2. Start with Community - เริ่มจากชุมชนที่คุณเป็นส่วนหนึ่ง เรียนรู้และสร้างความไว้วางใจก่อนสร้างผลิตภัณฑ์
.
3. Build as Little as Possible - สร้างเฉพาะสิ่งจำเป็น ใช้ automation หรือ outsource ส่วนที่เหลือ
.
4. Sell to Your First Hundred Customers - ขายแบบตัวต่อตัว เรียนรู้จากลูกค้า ไม่ใช่การโฆษณาครั้งใหญ่
.
5. Market by Being You - แบ่งปันเรื่องราวของคุณ สร้างฐานแฟนๆ
.
6. Grow Yourself and Your Business Mindfully - เติบโตอย่างมีสติ
.
7. Build the House You Want to Live In – สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่คุณอยากอยู่
.
.
==========================
.
[ 1. เริ่มต้นจากชุมชน (Start with Community) ]
.
Creator First, Entrepreneur Second
.
Lavingia แนะนำให้เริ่มจากการเป็นครีเอเตอร์ก่อน สร้างสิ่งต่างๆ เรียกเก็บเงินจากผู้ชม แล้วใช้เงินนั้นสร้างสิ่งใหม่ๆ ต่อไป
.
ตัวอย่างเช่น Max Ulichney อาร์ตไดเรกเตอร์ที่ขายแปรงดิจิทัลสำหรับ Procreate จนสามารถลาออกจากงานประจำได้ หรือ Adam Wathan และ Steve Schoger ที่สอนการสร้างเว็บแอพ ปล่อยคอร์ส Refactoring UI ทำรายได้ 800,000 ดอลลาร์ในเดือนเดียว รวมถึง Kristina Garner แม่บ้านที่สอน homeschooling จนกลายเป็นธุรกิจ Blossom and Root
.
Sol Orwell มีน้ำหนักเกินและไม่มีความสุข เขาเข้าร่วม subreddit r/Fitness บน Reddit ในปี 2009 เขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับฟิตเนสและโภชนาการ แล้วสรุปแชร์ให้สมาชิกคนอื่นๆ
.
ในเวลา 2 ปี เขาช่วยขยาย subreddit จาก 5,000 คนเป็น 50,000 คน พร้อมกับลดน้ำหนักได้ 60 ปอนด์ เขาสังเกตเห็นปัญหา 2 อย่างคือ ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเสริมไม่น่าเชื่อถือ และมีคนถามคำถามเดิมๆ ซ้ำทุกวัน
.
เขาจึงร่วมกับ Kurtis Frank สร้าง Examine ในปี 2011 เป็นแหล่งข้อมูลฟรีเกี่ยวกับอาหารเสริม 2 ปีต่อมาจึงเริ่มขายผลิตภัณฑ์แรก Research Digest โดยมีคนในวงการฟิตเนส 105 คนช่วยแชร์ ทำให้ขายได้ 3,000 ชุดในช่วงเปิดตัว
.
.
[ 2. ความแตกต่างระหว่าง Community และ Network ]
.
Community คือกลุ่มคนที่มีความสนใจ ค่านิยม หรือความสามารถร่วมกัน ช่วยเหลือกันแม้จะไม่ชอบกันในบางเรื่อง และมีการต้อนรับสมาชิกใหม่
.
ในขณะที่ Network คือแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Twitter ที่ทุกคนเริ่มจากศูนย์ ไม่มีใครทักทายเมื่อคุณเข้ามาใหม่ และไม่มีหลักประกันว่าจะมีคนฟังเมื่อคุณพูด
.
วิธีค้นหาชุมชนของคุณ
.
ถามตัวเองว่า ถ้าฉันพูด ใครจะฟัง? ฉันใช้เวลาอยู่กับใครบ้าง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์? ในสถานการณ์ไหนที่ฉันเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด? และฉันใช้เวลาอยู่กับใครบ้าง แม้จะไม่ชอบเขา แต่เรามีบางอย่างที่สำคัญร่วมกัน?
.
การมีส่วนร่วมในชุมชน: กฎ 1%
.
Ben McConnell และ Jackie Huba เสนอ "กฎ 1%" ว่า 1% สร้างเนื้อหา 9% มีส่วนร่วม (คอมเมนต์ แก้ไข) และ 90% บริโภค (อ่านอย่างเดียว)
.
ถ้าคุณมีส่วนร่วม คุณจะมีอิทธิพลมากกว่าคนที่ไม่ทำอะไรเลย 10 เท่า และถ้าคุณสร้างเนื้อหา อิทธิพลจะเพิ่มขึ้นอีก 90 เท่า
.
.
[ 3. สามหลักการของ Nathan Barry (ผู้ก่อตั้ง ConvertKit) ]
.
"Work in Public" คือการทำงานให้คนอื่นเห็น "Teach Everything You Know" คือการสอนทุกอย่างที่คุณรู้ และ "Create Every Day" คือการสร้างสรรค์ทุกวัน
.
การเลือกชุมชนที่เหมาะสม
.
พิจารณา 3 ปัจจัยคือ คุณสามารถสร้างคุณค่าระยะยาวได้หรือไม่ คุณอยากสร้างความสัมพันธ์นานหลายทศวรรษหรือไม่ และคุณสามารถสร้างเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ได้หรือไม่
.
นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาขนาดของชุมชน (ไม่เล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไป) ความเต็มใจที่จะจ่ายเงิน และการถูกละเลย (underserved)
.
การเลือกปัญหาที่จะแก้
.
Place Utility คือการทำให้สิ่งที่เข้าถึงไม่ได้เข้าถึงได้
Form Utility คือการเพิ่มมูลค่าโดยการจัดเรียงส่วนต่างๆ ใหม่
Time Utility คือการทำให้สิ่งที่ช้ากลายเป็นเร็ว
Possession Utility คือการตัดคนกลางออก
.
.
[ 4. สร้างให้น้อยที่สุด (Build as Little as Possible) ]
.
4.1 เปลี่ยนสิ่งต่างๆให้เป็นกระบวนการ
.
Derek Sivers แนะนำว่า "ถ้าอยากทำบริการแนะนำหนัง ให้เริ่มจากบอกเพื่อนให้โทรมาถามคุณ เมื่อแนะนำหนังที่เพื่อนชอบ ให้เขาเลี้ยงเครื่องดื่ม จดบันทึกว่าแนะนำอะไรและเพื่อนชอบแค่ไหน แล้วปรับปรุงจากตรงนั้น"
.
Lavingia เสนอคำว่า "Processizing" คือการเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ให้เป็นกระบวนการ
.
ตัวอย่าง Endcrawl
.
John "Pliny" Eremic เห็นนักทำหนังลำบากกับการทำ end credits จึงสร้างบริการช่วย แต่เริ่มจากให้ลูกค้าใช้ Google Sheet เมื่อลูกค้าต้องการ render ให้อีเมลมา Export เป็น CSV แบบ manual Run ผ่าน Perl script แบบ manual Upload ไปที่ Dropbox แบบ manual และส่งลิงก์ให้ลูกค้าแบบ manual
.
กระบวนการนี้ใช้เวลาแค่ 15 นาที ซึ่งเร็วกว่าคู่แข่งที่ใช้เวลา 24 ชั่วโมง
.
.
4.2 รูปแบบธุรกิจที่เหมาะกับ Minimalist Entrepreneur
.
ขายความรู้และการสอน เช่น วิดีโอ, ebook, podcast, คอร์สออนไลน์ ขายสินค้าจับต้องได้ เช่น merchandise หรือผลิตภัณฑ์เฉพาะ เชื่อมต่อคนโดยเก็บค่าธรรมเนียมแบบคงที่หรือเปอร์เซ็นต์ และ Software as a Service (SaaS) คือบริการซอฟต์แวร์
.
.
4.3 คำถามสำคัญก่อนสร้าง
.
ฉันสามารถ ship ได้ในสุดสัปดาห์หรือไม่? มันทำให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้นหรือไม่? ลูกค้ายินดีจ่ายเงินหรือไม่? ฉันจะได้ feedback เร็วหรือไม่?
.
.
4.4 การทดสอบสมมติฐาน (Hypothesis Testing)
.
อย่าถามคำถามชี้นำ เช่น "คุณจะจ่ายเงินซื้อผลิตภัณฑ์ของผมไหม?" แต่ให้ถามว่า "ทำไมคุณถึงยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้?"
Rob Fitzpatrick เสนอ "The Mom Test" คือถามคำถามที่แม้แต่แม่ของคุณก็ไม่สามารถโกหกได้
.
.
4.5 ทำสิ่งเดียวให้ดี
.
Gumroad ตอนเริ่มต้นทำแค่เอาไฟล์หรือลิงก์ที่มีค่ามาขาย แชร์เหมือนลิงก์ธรรมดา ตั้งราคาเอง และรับเงิน
โค้ดทั้งหมดแค่ 2,700 บรรทัดในไฟล์ Python ไฟล์เดียว ไม่มีระบบ upload ไฟล์ ไม่มีการจ่ายเงินอัตโนมัติ Lavingia จ่ายเงินให้ทุกคนด้วยมือผ่าน PayPal ทุกสิ้นเดือน
.
.
4.6 ขั้นตอนการ Productizing
.
เมื่อคุณมี process แล้ว ให้เปลี่ยนเป็น product โดยเริ่มจากตั้งชื่อธุรกิจ ใช้ 2 คำมารวมกัน เช่น Gumroad, Dropbox, Facebook จากนั้นสร้างเว็บไซต์และอีเมล ซื้อโดเมน ($10/ปี) ใช้ Carrd, Wix ($10/เดือน) สร้าง social media ทั้งส่วนตัวและธุรกิจ และทำให้ลูกค้าจ่ายเงินได้ง่าย ใช้ Square หรือ Stripe (2.9% + 30 cents/transaction)
.
.
[ 5. ขายให้ลูกค้า 100 คนแรก (Sell to Your First Hundred Customers) ]
.
ตัวอย่างความล้มเหลวของ Quibi
.
Quibi ระดมทุนได้ 1.8 พันล้านดอลลาร์ ซื้อโฆษณา Super Bowl วางแผนจัดปาร์ตี้เปิดตัวใหญ่โต แต่วันแรกมีคนโหลดแค่ 300,000 คน (Disney+ ได้ 4 ล้านคน) 1 เดือนต่อมาหลุดจาก Top 100 และ 6 เดือนต่อมาปิดตัว
.
5.1 การขายแบบ Minimalist Entrepreneur ไม่ใช่การหลอกลวง
.
แต่เป็นการขายให้ชุมชนที่คุณมีความสัมพันธ์ด้วยอยู่แล้ว การขายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มคุณค่าให้ชีวิตลูกค้า และการเรียนรู้และค้นพบ ไม่ใช่การโน้มน้าว
.
.
5.2 การตั้งราคา: Charge Something, Anything
.
มี 2 วิธีตั้งราคาคือ Cost-based ซึ่งคิดจากต้นทุน + กำไร (เช่น 20%) และ Value-based ซึ่งตั้งตามคุณค่าที่ลูกค้าได้รับ
.
.
5.3 กรณีศึกษา Schmidt's Naturals
.
Jaime Schmidt ไม่เคย "launch" Schmidt's Naturals เลย เธอเริ่มจากทำ deodorant ใช้เอง ขายที่ร้านท้องถิ่น 2 ร้าน ขายที่ตลาดนัดและ farmer's market คุยกับลูกค้าทีละคน เรียนรู้ว่าพวกเขาใช้อะไร และลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำและบอกต่อ
.
ในปี 2017 ขายบริษัทให้ Unilever ในราคามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์
.
คำพูดสำคัญของเธอคือ "When I'm asked about what made Schmidt's so successful, I often say that my customers were my business plan."
.
.
5.4 Launch เพื่อ Celebrate
.
อย่า launch เพื่อหวังว่าจะดัง แต่ launch เมื่อมีลูกค้าแล้ว ธุรกิจทำได้ดี และมั่นใจว่าจะอยู่ได้นาน
Launch ควรเป็นการฉลองความสำเร็จและขอบคุณลูกค้า 100 คนแรก ไม่ใช่การเริ่มต้น
.
.
[ 6. การตลาดด้วยการเป็นตัวคุณเอง (Market by Being You) ]
.
6.1 Marketing คือ Sales at Scale
.
Sales คือ outbound คุยทีละคน ในขณะที่ Marketing คือ inbound ดึงดูดคนหลายร้อยคนพร้อมกัน
.
Marketing ไม่ใช่ Advertising เพราะโฆษณาต้องใช้เงิน แต่ Minimalist Entrepreneurs ใช้เวลาก่อนใช้เงิน
.
.
6.2 พลังของ Audience
.
Audience คือเครือข่ายของทุกคนที่คุณเข้าถึงได้เมื่อมีอะไรจะพูด รวมถึง Followers บน social media, Followers ของธุรกิจ, Email subscribers และคนที่เดินผ่านหน้าร้านทุกวัน
.
คนไม่ได้เปลี่ยนจากคนแปลกหน้าเป็นลูกค้าในขั้นตอนเดียว แต่เริ่มจากคนแปลกหน้า รู้จักคุณคร่าวๆ ค่อยๆ กลายเป็น FC กลายเป็นลูกค้า และกลายเป็นลูกค้าประจำที่ช่วยบอกต่อ
.
.
6.3 Minimalist Marketing Funnel
.
Top of Funnel คือ Social Media และ SEO, Middle of Funnel คือ Email และ Communities และ Bottom of Funnel คือ Sales
.
.
6.4 วิธีเริ่มต้นบน Social Media
.
สร้าง 2 account คือส่วนตัวและธุรกิจ อย่าแชร์ว่ากินอะไรมื้อเที่ยง แต่แชร์ไอเดีย ไม่ใช่ status Be authentic โดยเป็นตัวเอง แต่ focus ที่คุณค่าหลัก Build in public โดยแชร์กระบวนการสร้างธุรกิจ และ Trust feedback loop โดยดูว่าอะไรได้ผล อะไรไม่ได้ผล
.
.
6.5 สามระดับของ Content
.
Level 1: Educate (สอน)
ตัวอย่าง Missouri Star Quilt Company ที่ Jenny Doan สูญเสียเงินออมในวิกฤต 2008 ลูกๆ ซื้อจักรควิลท์ให้แม่ทำธุรกิจ Al (ลูกชาย) ชวนแม่ทำ YouTube tutorial 10 ตอน ปัจจุบันมีวิดีโอ 500+ ตอน ยอดวิวหลายล้าน ปี 2020 ส่งสินค้า 1 ล้านออเดอร์ และเมือง Hamilton กลายเป็น "Disneyland of Quilting"
.
Level 2: Inspire (สร้างแรงบันดาลใจ)
ใช้ความรู้จากสิ่งที่คุณทำไปสู่ชีวิต แชร์ journey ของคุณจากจุดเริ่มต้นถึงปัจจุบัน Gimlet Media ทำ podcast "StartUp" เล่าเรื่องการสร้างบริษัทตัวเอง มียอดดาวน์โหลดหลายล้าน
.
Level 3: Entertain (ให้ความบันเทิง)
ยากที่สุดแต่เข้าถึงคนได้มากที่สุด Entertainment คือ King of Content ตัวอย่าง tweet ของ Lavingia ที่ viral: "Entrepreneurship: work 60 hours a week so you don't have to work 40 hours a week for someone else"
.
.
6.6 Email: สร้างบนที่ดินของตัวเอง
.
Social media เหมือนสร้างบนที่ดินเช่า เพราะแพลตฟอร์มสามารถเปลี่ยนอัลกอริทึม ปิด account ได้ แต่ Email คือ peer-to-peer ไม่มีใครควบคุม
.
วิธีสร้าง Email List คือเริ่มจาก spreadsheet ของเพื่อน ครอบครัว ลูกค้าแรกๆ ใช้ Mailchimp หรือ ConvertKit ให้ของแลก email (ebook, guide, video series) และส่งสม่ำเสมอ ทุกวันจันทร์เช้า, ทุกเสาร์เย็น, เดือนละครั้ง
.
.
6.7 การใช้เงิน: Spend Money Last
.
อย่าหลงกลกับข่าวระดมทุนหลายล้าน เพราะการเติบโตส่วนใหญ่มาจากการจ่ายเงิน แทนที่จะใช้เงิน ให้ใช้เวลากับ Blog posts ฟรี Social media ฟรี และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
.
ถ้าตัดสินใจใช้เงินโฆษณา รอให้รู้แล้วว่าอะไร work และมีลูกค้าพอที่จะวิเคราะห์ profile
.
กรณีศึกษา Haus
.
Helena Hambrecht ไม่มีเงินทำ paid marketing จึงใช้ user-generated content และให้ลูกค้าเป็นนักการตลาด
.
"Marketing doesn't have to be fancy to be impactful. It has to be real."
.
.
[ 7. เติบโตอย่างมีสติ (Grow Yourself and Your Business Mindfully) ]
.
สมการสำคัญที่สุดในธุรกิจ
.
Profit = Revenue - Costs
.
ฟังดูง่าย แต่ผู้ก่อตั้งหลายคนเพิกเฉย มุ่งแต่พัฒนาผลิตภัณฑ์ การเติบโต การจ้างคน จนเงินหมด
Paul Graham ถามผู้ก่อตั้งว่าบริษัทเป็น "default alive or default dead" ครึ่งหนึ่งไม่รู้คำตอบ
.
7.1 ประเภทของต้นทุน
.
Variable Cost (COGS) คือต้นทุนที่เพิ่มตามยอดขาย Gumroad มีต้นทุน 40 cents ต่อ $1 (payment processing, hosting, fraud prevention)
.
Fixed Cost คือต้นทุนที่ไม่เพิ่มตามยอดขาย โดยต้นทุนหลักคือ "คน"
.
.
7.2 วิธีควบคุมต้นทุน
.
จ่ายตัวเองให้น้อยที่สุด Lavingia เริ่มที่ $36K/ปี เพิ่มเป็น $60K, $85K ตอนวิกฤตจ่าย $0 และปัจจุบัน $120K/ปี
.
จ้างซอฟต์แวร์ ไม่ใช่คน โดยใช้ Pilot/Bench แทนนักบัญชี ใช้ Gusto จัดการ payroll และใช้ Zapier ทำ automation
.
อย่าเช่าออฟฟิศเพราะสร้างต้นทุนมหาศาล ต้องจัดการออฟฟิศ และ Post-COVID remote work เป็น new normal
.
อย่าย้ายไป Silicon Valley เพราะแพง รถติด และไม่เหมาะเลี้ยงลูก
.
Outsource ทุกอย่างโดยใช้ freelancer ก่อนจ้าง full-time จ่ายให้คุ้มค่า และให้โอกาสพวกเขาเรียนรู้
.
.
7.3 มุ่งเน้นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
.
Amazon มีเก้าอี้ว่างในห้องประชุม แทน "เสียงของลูกค้า"
.
ลูกค้าไม่สนใจว่าคุณรวยแค่ไหน คุณอยู่บนหน้าปก Forbes หรือไม่ คุณระดมทุนจากใคร หรือคุณมีพนักงานกี่คน
.
ลูกค้าต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นและธุรกิจที่อยู่ได้นาน
.
"Customer affection is the permission you need to grow"
.
.
7.4 ปัญหากับ Cofounder
.
Paul Graham บอกว่า 20% ของความขัดแย้งระหว่าง cofounder จบลงด้วยการที่คนหนึ่งออก
.
"The Four Horsemen" ของความสัมพันธ์ที่กำลังจะจบคือ Criticism (วิจารณ์), Contempt (ดูถูก), Defensiveness (ป้องกันตัว) และ Stonewalling (นิ่งเฉย)
.
คำแนะนำคือ อย่าเริ่มกับคนที่คุณไม่ไว้ใจจริงๆ ทำ vesting (ได้หุ้นทีละน้อยตามเวลา) ตรวจสอบว่า values ตรงกัน คุยกันว่าถ้าต้องแยกทางจะทำอย่างไร และคุยเรื่องยากตั้งแต่เนิ่นๆ
.
.
7.5 รักษาพลังงานและสุขภาพจิต
.
มี 2 ทางสุดโต่งคือ Lifestyle business ที่นอนชายหาดทั้งวัน หรือทำงาน 24/7 หยุดแค่กินนอน
.
Lavingia ลองทั้ง 2 แบบ เขาทำงาน 60 ชั่วโมง/สัปดาห์ หลายปี และทำงาน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ แต่ Gumroad โตในอัตราเดิม ไม่ว่าเขาจะทำงานกี่ชั่วโมง
.
บทเรียนคือ บริษัทจะโตเร็วเท่าที่ลูกค้ากำหนด ไม่ใช่เท่าที่คุณพยายาม
.
.
[ 8. สร้างบ้านที่คุณอยากอยู่ (Build the House You Want to Live In) ]
.
8.1 Culture ก่อน Hiring
.
Gary Keller ถามว่า "What's the one thing you can do such that by doing it everything else will be easier or unnecessary?"
.
สำหรับการจ้างคน คำตอบคือ สร้างวัฒนธรรมก่อน
.
.
8.2 ความสำคัญของ Values
.
Values ไม่ใช่คำสั่งที่ใครๆ ก็รู้ แต่เป็นการบอกสิ่งที่ไม่ชัดเจนในแบบที่ไม่ชัดเจน เป็น Oral tradition ที่บอกพนักงานว่าควรทำตัวอย่างไร และสื่อข้อมูลได้ดีกว่า manual หนาๆ
.
ตัวอย่าง Nordstrom ที่ลูกค้าเอายางรถมาคืน (ทั้งที่ Nordstrom ขายเสื้อผ้า) พนักงานรับคืนและคืนเงินเต็มจำนวน หรือพนักงานหารองเท้าไม่เจอ จึงแนะนำให้ไปซื้อที่ Macy's และจ่ายค่าส่งให้
.
.
8.3 Values ของ Gumroad (ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน)
.
1. Judged by the Work - Creators ไม่สนใจเรา สนใจแค่ product ทุกอย่างต้องผ่านการ review จากหลายคน และ OK กับ employee churn ถ้าช่วยให้ ship product ที่ดีกว่า
.
2. Seek Superlinearities - ทุกอย่างที่ทำต้องช่วยเพิ่มรายได้ให้ creators แบบ scalable Job responsibilities เปลี่ยนเร็ว และพนักงานอาจโตเกินบทบาทและออกไปตั้งบริษัทเอง ซึ่ง Great!
.
3. Everyone is a CEO - ทุกคนรับผิดชอบการใช้เงินของ creators เป็น CEO ของ function ตัวเอง คิดเชิงกลยุทธ์ ทำงาน proactive และอย่าให้ต้องถามว่างานเป็นอย่างไร
.
4. Dare to be Open - Complete information symmetry ไม่มีอะไรที่ CEO รู้แต่พนักงานไม่รู้ เปิดเผยตัวเลขการเงินทุกเดือน และทุกคนเห็นเงินเดือนของทุกคน
.
5. ความโปร่งใสภายใน - ใช้ Slack, Notion, GitHub ทุกคนเห็น dashboard รายได้ของ creators ทุกคนเข้าถึง traffic dashboard และเปิดเผยเงินเดือนทุกคนในบริษัท
.
ข้อดีคือลดความไม่เท่าเทียมของข้อมูล ลดคำถามเรื่องค่าตอบแทน และช่วยต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำของค่าจ้างที่เกิดจากอคติ
.
.
8.4 Peter Principle กลับหัว
.
Peter Principle บอกว่าคนจะได้เลื่อนขั้นจนถึงระดับที่ทำงานไม่ได้
Gumroad พลิกกลับโดยให้พนักงานทำงานให้ลูกค้า CEO ทำงานให้พนักงาน และคนเก่งทำงานที่ถนัดต่อไป แค่ได้เงินเพิ่ม
.
.
8.5 การจ้างงานแบบ Minimalist
.
Hiring = Firing Yourself
ถามตัวเองว่า ฉันชอบทำอะไรมากที่สุด? ฉันเก่งอะไร ไม่เก่งอะไร? Function ไหนที่อยากส่งต่อให้คนอื่น? และฉันใช้เวลาทำอะไร และนั่นถูกต้องหรือไม่?
.
.
8.6 Job Listing ควรเป็น Filter ไม่ใช่ Magnet
.
ตัวอย่าง tweet จ้างงานของ Lavingia ได้ผู้สมัครหลายร้อยคน Adam Wathan tweet เดียวได้ผู้สมัคร 875 คน
.
Fit is Two-Way - เมื่อคนไม่เหมาะกับบริษัทคุณ คุณก็ไม่เหมาะกับเขา
.
วิธีจัดการคือไม่มี surprises บอกชัดเจนว่าทำไมอาจไม่ fit (อ้างอิง values) ให้โอกาสปรับปรุงอย่างน้อย 2 ครั้ง และถ้าไม่ work out ช่วยหางานใหม่
.
"Your company is a business, not a cult. Embrace change."
.
.
[ 9. เราจะไปต่อที่ไหน (Where Do We Go from Here?) ]
.
เมื่อ Gumroad ทำกำไรได้ Lavingia ทำสิ่งแรกคือเอาเวลากลับคืนมา
.
Graham Duncan นิยาม "time billionaire" คือคนที่มีเวลาเหลืออย่างน้อย 1 พันล้านวินาที (31 ปี)
.
Lavingia ทำสิ่งเหล่านี้ คือ Automate/outsource/ignore ทุกอย่างที่ไม่ชอบ เขียนนิยาย fantasy กับ Brandon Sanderson เรียนวาดรูป และใช้เวลาสร้างสรรค์ 20+ ชั่วโมง/สัปดาห์
.
.
========================
.
สรุปอีกรอบครับ
.
1. คุณมีไอเดียธุรกิจ
2. เลือกชุมชนที่เหมาะสม
3. สร้าง MVP (manual → minimal)
4. หาลูกค้า 100 คนแรก
5. Launch เพื่อฉลอง
6. ทำกำไรและควบคุมชะตากรรมตัวเอง
7. สร้างวัฒนธรรมที่ดึงดูดคนที่คุณอยากทำงานด้วย
8. ธุรกิจเติบโต คุณแก้ปัญหาใหม่ๆ
.
ที่สำคัญคือ ตัวของคุณไม่ได้ผูกติดกับธุรกิจ
.
.
มีหลายคนอยากทำธุรกิจแบบ "Uber meets Netflix meets Tinder meets Blockchain meets AI meets Your Mom"
.
Minimalist Entrepreneur กลับมาบอกว่า "ขายของ เก็บเงิน จบ"
.
ซึ่งจริงๆ แล้วนี่ก็คือสิ่งที่ธุรกิจทั่วไปทำกันอยู่แล้ว แต่พอ Sahil Lavingia เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ใส่ Framework สวยๆ เราก็อ่านแล้วรู้สึกว่า "ว้าว...ลึกซึ้งจัง" ราวกับว่าการ "ขายของได้กำไร" กลายเป็นความคิดใหม่ที่ Revolutionary
.
บทเรียนสำคัญสุดท้ายคือ
.
ถ้าคุณทำธุรกิจแล้วมีกำไรตั้งแต่เดือนแรก นั่นไม่ได้แปลว่าคุณ "ไม่มี Vision"
.
แต่แปลว่าคุณมี "Vision ที่มีคนยอมจ่ายเงิน"
.
ซึ่งในโลกธุรกิจจริง นั่นเรียกว่า...ธุรกิจครับ
.
.
.
.
#SuccessStrategies